บริษัทพัฒนาที่ดิน มีความหวัง เมื่อมีกระแสข่าวแว่วว่าเร็วๆ นี้ ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) เตรียมเสนอ คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบร่างแก้ไขกฎหมาย ขยายเพดานให้ชาวต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยได้มากขึ้น โดยมองว่าเป็นหนทางที่เป็นไปได้สูง ที่ดึงต่างชาติมีศักยภาพกำลังซื้อสูงเข้ามากู้วิกฤติ
ขณะต่างชาติที่มีความคุ้นเคยซื้อลงทุนอสังหาฯไทยมาก่อนหน้านี้ ทั้งซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง และเพื่อลงทุนสร้างผลตอบแทนกำไร อย่าง จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย ต่างชื่นชอบเป็นทุนเดิม ประเมินว่าหากรัฐขยายเพดานต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ในอาคารชุดหรือคอนโดมิเนียมต่อโครงการมากถึง 70-80%
จากเดิมไม่เกิน 49% รวมถึงบ้านหรูระดับราคา 10-15 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเดิมทีกฎหมายไม่เคยเปิดช่องมาก่อนเช่นเดียวกับการขยายระยะเวลาเช่าจาก 30 ปีเป็น 50 ปี + 40 ปี 90 ปี เชื่อว่าจะสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศอย่างมหาศาล จากการนำเงินเข้ามาลงทุนของชาวต่างชาติ
ทั้งนี้เพราะ 1. อสังหาฯไทยยังเป็นที่นิยมชื่นชอบของชาวต่างชาติ 2. สามารถถือครองกรรมสิทธิ์ได้เมื่อเทียบกับจีน เวียดนาม ต้องใช้สิทธิการเช่า 3. ราคาไม่แพง เหมาะแก่การลงทุน 4. การเดินทางระหว่างประเทศไม่ไกล 5. มีแหล่งท่องเที่ยวทรัพยากรทางธรรมชาติหลากหลาย 6. รัฐลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสะดวกต่อการเดินทางเชื่อมโยงทั้ง ทางบก, ราง, นํ้า, อากาศ 7. ภูมิประเทศดีไม่มีภัยพิบัติทางธรรมชาติ เมื่อเทียบกับประเทศอื่น 8. การสาธารณสุขยังถูกมองว่าดีในสายตาต่างชาติ 9. การเมืองไม่รุนแรง 10. บางประเทศเข้าไทยโดยฟรีวีซ่า เช่น จีน-ฮ่องกง เป็นต้น
ย้อนไปก่อนหน้านี้ ภาคเอกชนเคยเสนอขอแก้ไขกฎหมายดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง แต่ถูกมองว่า ขายชาติ ต่างชาติอาจฮุบที่ดินไทยไปชั่วลูกชั่วหลานคนไทยส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสมีที่ดินเป็นของตนเอง ในทางกลับกันต่างชาติเกรงกลัวนโยบายภาครัฐเช่นกันโดยเฉพาะ เช่าที่ดินไทย เพราะหากลงทุนซื้อเครื่องจักร ที่ตั้งโรงงานอยู่ในทำเลที่ดี อาจมีนายทุนใหญ่ที่ให้ค่าเช่าที่ดีกว่าเสนอผลประโยชน์ตอบแทนกระทั่งอาจไม่ต่อสัญญาผู้เช่ารายเดิม
สำหรับข้อดีของมาตราการ ดังกล่าว ช่วยให้ชาวต่างชาติซื้ออสังหาฯไทยได้อย่างถูกต้องกฎหมาย ลดการใช้นอมินีใส่ชื่อคนไทย (ทนายความ, คนสวน) ถือหุ้นใหญ่บังหน้าหรือที่เรียกว่าบริษัทไทยหัวใจต่างชาติโดยมีนักลงทุนต่างชาติลงทุนบริหารจัดการ เพียงอาศัยช่องโหว่กฎหมายของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ตั้งบริษัทไทย
สัดส่วนคนไทย 51% ต่างชาติ 49% ทุนจดทะเบียน 1-2 ล้านบาท ก็สามารถดำเนินการได้เพื่อนำบริษัทที่ตั้งขึ้น นำมาไล่ซื้อคอนโดมิเนียมยกโครงการที่ดินเปล่าทำเลดีราคาแพงในไทยที่คนไทยไม่สามารถซื้อได้ บ้านหรู ลองสเตย์ โรงแรม สนามกอล์ฟ ตามหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งปัจจุบันจะเห็นนักลงทุนชาวจีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น ประเทศในแถบยุโรป
เป็นเจ้าของโครงการที่อยู่อาศัย โรงแรมกันจำนวนมาก บนเกาะสมุย ภูเก็ต พัทยา โดยเฉพาะทำเลกลางใจเมืองกรุงเทพมหานครและเปิดขายเพื่อดึงประชากรประเทศเดียวกันเข้าซื้อ-เช่าอยู่ในประเทศไทย กลายเป็นอาณาจักรต่างชาติที่คนไทยห้ามเข้า รวมทั้งกฎหมายส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ ที่เปิดช่องให้ต่างชาติสามารถซื้อที่ดินจำนวนมากนับร้อยไร่ได้เพราะต้องพัฒนานิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น
ขณะการปลดล็อกให้ต่างชาติ ซื้อที่ดินพร้อมบ้านหรูระดับราคาตั้งแต่ 10-15 ล้านบาทขึ้นไป เป็นเพดานราคาที่เหมาะสมกับเศรษฐีต่างชาติ ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยทำการตลาดกับลูกค้าต่างชาติได้อีกช่องทางหนึ่ง หากเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ แต่ทั้งนี้ มาตราการดังกล่าว นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยอมรับว่าจะกำหนด เพียงระยะเวลาสั้นๆ ไม่เกิน 3-5 ปี ในช่วงประเทศวิกฤติ ส่งเสริมให้ไทยเป็นบ้านหลังที่สองของชาวต่างชาติ
สอดคล้องกับ นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ที่ยอมรับว่า สมาคมฯได้เสนอขยายเพดานให้ต่างชาติ อาคารชุดและที่อยู่อาศัยแนวราบได้เพื่อพยุงตลาดอสังหาฯไทยในช่วงสถานการณ์โควิด-19 3-5 ปี หากสถานการณ์ดีขึ้น สามารถยกเลิกและกลับมาใช้กฎหมายเดิมตามปกติ อย่างไรก็ตามที่น่าจับตาคือ ต่างชาติจะให้ความสนใจลงทุนตลาดลองสเตย์ เพื่อสุขภาพ รับคนเกษียณตามหัวเมืองท่องเที่ยวมากที่สุด
นางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) ในฐานะนายกสมาคมอาคารชุดไทย สะท้อนว่า เป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯ โดยขยายเพดานคนต่างชาติซื้อคอนโดฯเพิ่มขึ้นมองว่า ดีกว่ารัฐบาลไม่ช่วยอะไร คาดว่าหากมีผลบังคับใช้จะช่วยให้ตลาดคอนโดฯจะกลับมาสดใสอีกครั้งโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าจีน, ฮ่องกงยังให้ความสนใจ
เช่นเดียวกับ นายปิยะ ประยงค์ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษาเรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) และนายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) 2 บริษัทพัฒนาอสังหาฯระดับแถวหน้าของเมืองไทยมั่นใจว่า มาตราการดังกล่าวจะช่วยให้ตลาดอสังหาฯกลับมาพลิกฟื้นโดยเร็วเพราะต่างชาติมีศักยภาพสูงในการซื้อที่อยู่อาศัยไทยทั้งเพื่อลงทุนและเป็นบ้านหลังที่สอง
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์มองว่าเป็นนโยบายการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็น “บ้านหลังที่สอง” ที่มุ่งเน้นดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาซื้อ-เช่าอสังหาฯไทยให้มากขึ้น
ทั้งกลุ่มที่เกษียณอายุแล้วให้มาพำนักระยะยาวในประเทศไทย เนื่องจากเป็น กลุ่มที่มีกำลังในการใช้จ่ายเงินสูงจากเงินบำนาญเงินเก็บออม และประกันสุขภาพจากรัฐสวัสดิการ รวมถึงกลุ่มที่ต้องการเข้ามาซื้อเพื่อเป็นทรัพย์สินกลุ่มนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในประเทศ
โดยรัฐบาลจะมีการแก้กฎหมายกฎเกณฑ์ ระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้คนต่างชาติให้ความสนใจเข้ามาซื้อหรือเช่าอสังหาฯได้สะดวกขึ้น สอดคล้องนายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมที่ดิน ซึ่งเป็นเจ้าของกฎหมายทั้ง 3 ฉบับ ประเมินว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อตลาดอสังหาฯไทยที่กรมให้การสนับสนุนช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจกระตุ้นการลงทุนของชาวต่างชาติ
Leave a Reply