สีทาบ้านหรืออาคารต่างๆ ยิ่งนานไปก็มีแต่จะยิ่งหมอง อีกทั้งยังส่งผลทำให้บ้านของเพื่อนๆ ดูเก่าอีกด้วย  ไม่ว่าจะเป็นทั้งภายในและภายนอกอาคาร ซึ่งก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน วันนี้เราจึงมีเคล็ดการทาสีในมุมเก่าๆ ให้ดูสวย สดใส เหมือนใหม่ดังเดิม มาฝากเพื่อนๆ กันค่ะ

1. การเตรียมพื้นผิว

สำหรับในส่วนนี้ ถือเป็นขั้นตอนแรกที่ควรปฎิบัติเลยก็ว่าได้  ซึ่งการเตรียมพื้นผิวของแต่ละพื้นที่ ก็ย่อมมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับพื้นผิวของแต่ละบ้านที่ได้เลือกใช้  โดยแต่ละแบบได้มีขั้นตอนการเตรียมพื้นผิวดังนี้ค่ะ

  • พื้นผิวปูน เริ่มจากการขูดสีที่หลุดร่อนออกมาให้หมด เพราะพื้นผิวปูนมักจะเกิดสีหลุดร่อนได้ง่าย  ต่อด้วยการล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่า พร้อมขัดด้วยแปรง   จากนั้นทำการสำรวจความชำรุดและรอยร้าวของพื้นผิว เพื่อทำการโป๊วหรือแก้ไข  ปิดท้ายด้วยการนำกระดาษทรายมาขัดให้พื้นผิวเรียบเสมอกัน
  • พื้นผิวไม้ เพื่อนๆ สามารถนำกระดาษทรายมาขัดบนพื้นผิวได้เลย  เพื่อให้ได้พื้นผิวที่เรียบ  จากนั้น ล้างทำความสะอาด แล้วรอจนแห้งสนิท ถึงจะสามารถดำเนินการในขั้นตอนต่อไปได้ เพราะหากไม้มีความชื้นอาจก่อให้เกิดชื้นราได้  จากนั้นทาด้วยน้ำยากันเชื้อราค่ะ
  • พื้นผิวโลหะ สำหรับพื้นผิวนี้ ต้องระมัดระวังในเรื่องของสนิมเป็นพิเศษ ซึ่งหากเกิดสนิม ให้นำกระดาษทรายขัดออกให้เรียบร้อย จากนั้นทาตามด้วยน้ำยากันสนิมค่ะ
การเตีรยมพื้นผิว
การเตรียมพื้นผิว

2. การทาสีรองพื้น

ก่อนที่จะทำการทาสีที่เพื่อนๆ ต้องการนั้น ควรที่จะมีการทาสีรองพื้นก่อนเป็นอันดับแรก เนื่องจากจะทำให้ได้สีที่ชัดเจน สวยงาม  ไม่ผิดเพี้ยน และช่วยทำให้สียึดเกาะกับพื้นผิวได้ดี ซึ่งมีการเลือกสีทารองพื้นดังนี้ค่ะ

  • พื้นผิวปูน จะเลือกใช้เป็นน้ำยารองพื้นปูนเก่าหรือสีรองพื้นปูนเก่านั้นเอง  ซึ่งจะช่วยในเรื่องการยึดเกาะที่ดีมากยิ่งขึ้น  โดยลักษณะจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อ บ้างก็เป็นสูตรน้ำมัน บ้างก็เป็นสูตรน้ำ  มีกลิ่นฉุน อ่อนแตกต่างกันไปค่ะ
  • พื้นผิวไม้ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบด้วยกัน  คือ

–  1. สีทารองพื้นไม้ชนิดผสมอะลูมิเนียม ซึ่งจะช่วยป้องกันยางไม้ และ ความชื้นต่างๆ ที่อยู่ภายในไม้ไม่ให้ไหลออกมาปนกับสีจริงนั้นเอง โดยจะทาเป็นชั้นแรกค่ะ

–  2. สีรองพื้นไม้กันเชื้อรา  ซึ่งจะช่วยป้องกันในเรื่องของเชื้อรา และช่วยเพิ่มความยึดเกาะของสี อีกทั้งยังเพิ่มความเรียบเนียนของไม้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย โดยจะทาเป็นรองพื้นชั้นที่สองค่ะ

  • พื้นผิวโลหะ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 เช่นเดียวกัน  คือ

– 1. สีทารองพื้นโลหะชนิดผสมผงซิงค์โครเมท หรือสีกันสนิม  ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดสนิมค่ะ

– 2. สีทารองพื้นโลหะชนิดอีพอกซี่ ซึ่งจะช่วยป้องกันการกัดกร่อนค่ะ

การทาสี

 

การทาสี

3. ทาสีจริง หรือ โทนสีที่ต้องการ

ปิดท้ายด้วยการทาสี ซึ่งควรทาทับประมาณ 2-3 ครั้ง เพื่อให้ได้สีที่ชัดเจน โดยประเภทการเลือกใช้สีก็ไม่ค่อยแตกต่างกันมาก โดยพื้นผิวปูนจะนิยมใช้เป็นสีอะคริลิก  ส่วนพื้นผิวไม้และโลหะจะนิยมให้เป็นสีน้ำค่ะ

 

Leave a Reply