ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 13 ส.ค.64 ปิดที่ 1,528.32 จุด ลดลง 4.39 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 82,042.22 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 3,016.72 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 35 บาท บวก 0.50 บาท, BANPU ปิด 13.50 บาท ลบ 0.10 บาท, KBANK ปิด 103.50 บาท ลบ 1.50 บาท, GULF ปิด 37.75 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, INTUCH ปิด 72.75 บาท ลบ 0.25 บาท
บล.เอเซียพลัส ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลประกาศงบ 2Q64 ภาพรวมถือว่าดูดีมีรายงานออกมาแล้ว 302 บริษัท (คิดเป็น 72.6% ของ Market Cap.ทั้งหมด) โต 113%yoy และ 1.2%qoq
เหตุผลหนึ่งที่ช่วยหนุนให้ดีขึ้น คือ หลายบริษัทมีกำไรจากรายการพิเศษรวมเข้ามาหนุนพอดี อาทิ PTTGC มีกำไรจากรายการพิเศษรวม 1.45 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรจากการขายหุ้น GPSC 12.7% รวมกับส่วนอื่นๆ, BAY มีกำไรจากเงินลงทุนจากการขายหุ้น TIDLOR ราว 1.08 หมื่นล้านบาท ฯลฯ ดังนั้น หากหักกำไรจากรายการพิเศษออก ภาพรวมผลประกอบการของตลาดน่าจะผ่านจุดสูงสุดใน 1Q64 ไปแล้ว
ทั้งนี้ หลังจากนี้ นักลงทุนต้องเตรียมรับมือกับการทยอยปรับลดประมาณการหลายบริษัทลงจากความเสี่ยง Covid-19 ที่กลับมาระบาดแรงไตรมาส 3 โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนัก คือ กลุ่มท่องเที่ยว, ขนส่ง, รับเหมาฯ, บันเทิง และศูนย์การค้า ที่สำคัญคือ มุมมองของ Bloomberg Consensus ยังแทบไม่มีการใส่ผลกระทบ Covid-19 ระลอกใหม่เข้าไปเลย ล่าสุดมี EPS64F ทรงตัวอยู่ระดับสูง 85.2 บาท/หุ้น (สูงกว่าที่ฝ่ายวิจัย ASPS ประเมิน 71.2 บาท/หุ้น มาก)
หากเจาะลึกการปรับราคาเป้าหมายของหุ้นใน Bloomberg Consensus ทั้งหมด 262 บริษัท มีการปรับราคาเป้าหมายหุ้นแต่ละบริษัทในช่วง 1 เดือนครึ่งที่ผ่านมา คิดเป็นสัดส่วนมูลค่าต่อ SET Index ลดลงเพียง 0.1% หรือ ลดลง 2 จุด โดยหุ้นในกลุ่มที่ได้ผลกระทบหนักๆจากประเด็น COVID-19 อย่าง รับเหมาฯ, ธนาคารพาณิชย์, โรงแรม สื่อนอกบ้านเริ่มมีการปรับราคาเป้าหมายลงราว 1-6% เท่านั้น แสดงว่าภาพรวมตลาดยังมีความเสี่ยงจากการทยอยปรับประมาณการกำไรลงอีก
ดังนั้น การปรับลดประมาณการกำไรลงของ Consensus ยังเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องเผชิญ และเป็นอุปสรรคสำคัญของ SET Index กลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัยแนะนำเลือกหุ้นที่มีเกราะป้องกัน COVID-19 รวมถึงหุ้นที่ผลประกอบการงวด 3Q64 โดดเด่นกว่าภาพรวมตลาดฯ 8 บริษัท ดังนี้ STGT-KCE-ADVANC-STA-GPSC-CKP-BDMS-BCH!!
อินเด็กซ์ 51
Leave a Reply